tag:blogger.com,1999:blog-51457958089714536562024-02-08T11:40:45.202-08:00อาหารขยะnatzananohttp://www.blogger.com/profile/10436421684586260696noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-5145795808971453656.post-52645737944819193772012-09-12T07:46:00.001-07:002012-09-12T07:46:14.079-07:00ผลของการกินอาหารขยะ<span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">ผลที่ตามมาของการกินอาหารขยะต่อผู้ที่ศึกษาเล่าเรียน มีผลทำให้ผลการเรียนตกต่ำอีกด้วย ในสหรัฐอเมริกามีงานวิจัยชิ้นสำคัญที่บ่งชี้ถึงพิษร้ายของอาหารขยะ และผลดีถ้าได้ขจัดอาหารขยะออกจากโรงเรียนที่มีความน่าเชื่อถือมากชิ้นหนึ่ง กล่าวคือ ดร.เอลิซาเบท คาแกน ผอ.กองบริการอาหารโรงเรียน ในคณะกรรมการการศึกษาโรงเรียนเทศบาลมหานครนิวยอร์ก ร่วมกับบาร์บารา เอฟ. เมเยอร์ ที่ปรึกษากองสุขศึกษาแห่งนครนิวยอร์ก ได้ทำวิจัยชื่อ "The Impact of a Low Food Additive and Sucrose Diet on Academic Performance in 803 New York City Public School" ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Biosocial Research, Vol8Z(2): 185.196, 1986 โดยทำให้โรงเรียนเทศบาล 803 โรงเรียนในนครนิวยอร์ก มีเด็กๆร่วมอยู่ในการวิจัยนี้ 1 ล้านกว่าคน เธอเริ่มจากการเก็บคะแนนผลการเรียนของนักเรียนแต่ละโรง ก่อนการวิจัยซึ่งพบว่าผลการเรียนของเด็กโรงเรียนเหล่านี้ต่อเนื่องกัน 3 ปี ซึ่งพบว่าอยู่เปอร์เซนไทล์ที่ 41%, 43% และ 39% ตามลำดับ ในปีแรกที่วิจัยได้ลดอาหารขยะออกจากโรงเรียนจำนวนหนึ่ง พบว่าผลการเรียนดีขึ้นชัดเจนมาอยู่เปอร์เซนไทล์ที่ 47% ปีต่อมาลดอาหารขยะลงไปอีกพบว่าการเรียนดีขึ้นเป็น 51% ปีต่อมาเพื่อให้แน่ใจว่าผลการเรียนที่ดีขึ้นมาจากปัจจัยเรื่องการลดอาหารขยะจึงคงระดับอาหารขยะที่เหลืออยู่ไว้ตามเดิม ก็พบว่าผลการเรียนอยู่ที่ 51% ตามเดิม ปีถัดไปจึงลดอาหารขยะลงอีกก็พบว่าผลการเรียนดีขึ้นเป็น 55% งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการยืนยันอย่างดีถึงผลร้ายของการกินอาหารขยะที่มีต่อการเรียนการศึกษาของเด็กๆ และบอกเราว่า ถ้าอยากให้เด็กๆของเราฉลาดขึ้น ไม่ต้องจับไปติวเข้ม เข้าโรงเรียนกวดวิชาให้เด็กๆเสียคุณภาพชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย ขอเพียงแต่ให้ขจัดอาหารขยะออกไปจากโรงเรียนได้เท่านั้นเอง</span>
natzananohttp://www.blogger.com/profile/10436421684586260696noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5145795808971453656.post-66419113323704169442012-09-12T07:45:00.003-07:002012-09-12T07:45:54.685-07:00อันตรายที่มาจากอาหารขยะ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="border-spacing: 0px; border-width: 0px; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 10px; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: bottom; width: 100%px;"><tbody style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<tr style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;"><td style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: top;" width="59%"><ul style="border-width: 0px; font-family: inherit; list-style-type: none; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
นักโภชนาการระบุโรคภัยที่จะมากับจังก์ฟู้ด ที่ให้พลังงานสูง แต่โปรตีนน้อยมาก และคุณค่าทางโภชนาการต่ำ อาทิ</h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
<b><img height="12" src="http://www.sappe.com/sappe/beautylounge/images/squarebullet.jpg" style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="12" /> </b>โรคหัวใจ คอเลสเตอรอลสูง เพราะกินอาหารที่มีไขมันบ่อย เมื่อสะสมในร่างกายเยอะๆ เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิต</h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
<b><img height="12" src="http://www.sappe.com/sappe/beautylounge/images/squarebullet.jpg" style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="12" /> </b>โรคข้อกระดูกอักเสบจากน้ำหนักที่มากเกินส่งผลให้ข้อเข่าและสะโพกล้า กระดูกอ่อนอาจเสื่อมสภาพ หรือหากสะสมไขมันในตับ อาจทำให้เป็นโรคตับแข็ง </h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
<b><img height="12" src="http://www.sappe.com/sappe/beautylounge/images/squarebullet.jpg" style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="12" /> </b>เมื่อมีไขมันที่หน้าท้องมากเกิน ทำให้เกิดการต้านอินซูลิน สะสมกลูโคสในร่างกาย ทำให้เป็นเบาหวาน ส่งผลทำลายหลอดเลือดในจอตา ทำให้ตาบอด</h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
<b><img height="12" src="http://www.sappe.com/sappe/beautylounge/images/squarebullet.jpg" style="border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px; vertical-align: baseline;" width="12" /></b>รวมถึงโรคไขมันในเลือดสูง เสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดในสมองอุดตัน หลอดเลือดพิการ เพราะไขมันไปเกาะผนังหลอดเลือด</h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"><h6 style="border-width: 0px; color: #666666; font-family: inherit; font-size: 1.2em; font-weight: normal; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 15px 10px 0px; vertical-align: baseline;">
นอกจากนี้นักวิจัยยังพบอีกว่า การกินอาหารที่มีแต่ไขมันสูงตั้งแต่เด็กๆ จะเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อพัฒนาการทางสมอง เพราะไขมันจะหยุดยั้งสมองไม่ให้รับพลังงานจากกลูโคสที่จำเป็นในการพัฒนาสมองของเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต ซึ่งสมองของเด็กจะได้รับความกระทบกระเทือนจากภาวะดังกล่าวนี้ อาหารขยะยังเป็นสารก่อภูมิแพ้ โดยมีสารที่ก่ออาการแพ้หลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสารแต่งสีอาหาร เช่น ทาร์ทราซีน (สีเหลืองส้ม) คาร์มัวซีน (สีม่วงแดง) อะมาแรนต์ (สีแดง) อพอนเซีย (สีแดง) ซึ่งพบได้ในขนมและน้ำอัดลมต่างๆ ที่มีสีสันสดใส<br /><br />อาหารขยะ ได้แก่ขนมกรุบกรอบ บะหมี่ซอง และน้ำอัดลม อาหารกลุ่มนี้เป็นแป้งที่ขัดสีเอาเส้นใย และวิตามินออกหมด น้ำตาลก็ฟอกขาว แล้วแถมเติมด้วยสารแต่งสี แต่งกลิ่น กับผงชูรสเข้าไป ตามด้วยกระบวนการทอดในน้ำมันซ้ำๆ เวลาที่ร่างกายรับเอาแป้งขัดขาวหรือน้ำตาลฟอกขาวเข้าไป จะย่อยแล้วดูดซึมเข้าสู่เซลล์อย่างรวดเร็ว เข้าสู่วงจรชีวเคมีที่เรียกว่า วงจรเครปส์ ภายในเซลล์แล้วเผาผลาญให้เกิดพลังงานทันที โดยปกติวงจรเคมีนี้ต้องการวิตามินบีทั้งกลุ่ม ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์เพื่อจรรโลงให้กระบวนการเคมีผ่านไปโดยราบรื่น ในเมื่อไม่ได้รับวิตามินมาพร้อมกับอาหาร ร่างกายจะต้องใช้วิตามินที่เป็นทุนเก่า ซึ่งปกติใช้อยู่ในเซลล์สมอง มาช่วยให้กล้ามเนื้อได้เผาผลาญให้เกิดกำลังงาน ผลก็คือ เมื่อกินอาหารกลุ่มนี้บ่อยๆ วิตามินบีจะหมดไปจากระบบประสาทอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เกิดอาการต่างๆ เช่นสมองมึนงง สมาธิสั้น หงุดหงิด ซุกซนเกินเหตุ และง่วงเหงาซึมเซา<br /><br />สารแต่งสี แต่งกลิ่น สารกันบูด สารกันเชื้อราและผงชูรส เป็นสารเคมีที่ร่างกายไม่ได้ใช้ประโยชน์ ีเป็นเพียงกับดักที่ล่อตาล่อลิ้นให้กินไม่ยั้งกลืนไม่หยุดเท่านั้นเอง เมื่ออยู่ในร่างกายก็รังแต่จะเป็นขยะที่เป็นภาระแก่ตับและไต ต้องคอยขับออก จึงทำให้ต้องทำงานหนัก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคไตวาย ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ และมะเร็งได้ในเวลาที่ไม่นาน กระบวนการผลิตที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำๆ ในแต่ละวัน ที่โรงงานทอดบะหมี่ซอง เครื่องจักรแต่ละเครื่องจะทอดบะหมี่ได้ 50,000 ซองต่อวัน ผลก็คือ กระบวนการเผาไหม้ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งยิงทำลายโครงสร้างของกรดไขมันในน้ำมัน แตกตัวเป็นสารโมโนเมอร์ ไดเมอร์ ไตรเมอร์ โพลีเมอร์ บ้างม้วนตัวแล้วจับกับคลอไรด์ กลายเป็นสารไดอ็อกซิน ซึ่งทั้งหมดเป็นบั่นทอนภูมิต้านทาน เป็นเหตุผู้บริโภคมีภูมิต้านทานต่ำ ภูมิแพ้ และก่อมะเร็งในที่สุด</h6>
</li>
<li style="background-position: 5px 7px; background-repeat: no-repeat no-repeat; border-width: 0px; font-family: inherit; margin: 0px; outline: rgb(0, 0, 0); padding: 0px 0px 0px 3px; vertical-align: baseline;"></li>
</ul>
</td></tr>
</tbody></table>
natzananohttp://www.blogger.com/profile/10436421684586260696noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5145795808971453656.post-78112203481889928222012-09-12T07:45:00.001-07:002012-09-12T07:45:34.465-07:00อาหารขยะ<span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">ทุกวันนี้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมากทำให้วิถีชีวิต และพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไปต้องฝากท้อง กับอาหารสำเร็จรูป และอาหารด่วนซึ่งส่วนใหญ่มาในรูปอาหารตะวันตก ประเภทสะดวก และรวดเร็ว ทำให้ร้านสะดวกซื้อมีเพิ่มมากขึ้น เพราะซื้อหาได้ทั่วไป ถูกปากคนรุ่นใหม่ ใส่บรรจุภัณฑ์ เก๋ไก๋ พกพาสะดวก ใครบ้างที่รู้ทั้งรู้ว่าของกินเหล่านี้เป็นตัวทำน้ำหนักทั้งนั้น แต่ก็ยังกินไม่บันยะบันยัง หนุ่มๆ สาวๆ ระวังจะเป็นโรคอ้วน</span>
<br />
<b style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">Junk Food </b><span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">เป็นศัพท์สแลงของอาหารที่มีสารอาหารจำกัด หรือที่เรียกกันว่า </span><b style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">อาหารขยะ </b><span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">อาหารไร้ประโยชน์ อาหารที่นักโภชนาการไม่เคยแนะนำ แต่ขึ้นชื่อว่า </span><b style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">จังก์ ฟู้ด </b><span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">จะต้องประกอบด้วยสารอาหารที่ให้พลังงานเป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำตาล ไขมัน แป้ง และมีส่วนประกอบโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ น้อยมาก ตัวอย่างเช่น ขนมขบเคี้ยวรสเค็ม รสหวาน ลูกอม หมากฝรั่ง ขนมหวานทุกชนิด อาหารทอด อาหารจานด่วนบางชนิด และน้ำอัดลม หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า </span><b style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;">Empty Calorie</b><span style="color: #666666; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px;"> มีความหมายว่า ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย เทียบกับอาหารไทยโดยพื้นฐานแล้วในหนึ่งจานให้คุณค่าหลากหลาย ไขมันต่ำกว่า อุดมด้วยสมุนไพรที่เป็นคุณต่อสุขภาพ แต่ด้วยความเร่งรัดของวิถีชีวิตทำให้คนไม่มีเวลาเลือกหา และไม่ยอมเสียเวลาปรุงอาหารรับประทานเอง อย่างน้อยหนึ่งมื้อในหนึ่งวันของใครหลายคนจึงเลือกจังก์ฟู้ดเป็นทางออก ขณะเดียวกันก็ยอมเสียสตางค์แพงๆ เลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาเติมเต็มทดแทนส่วนที่ขาดหายไป </span>natzananohttp://www.blogger.com/profile/10436421684586260696noreply@blogger.com0